หน้าเว็บ
ผู้ติดตาม
วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ปรัชญาสู่ความยิ่งใหญ่ 5 ข้อ
มีผู้คนมากมายที่เคยเข้ามาพูดคุยและป้อนคำถามว่า “อะไรคือหลักปฏิบัติให้สามารถก้าวเดินสู่หนทางแห่งคว ามยิ่งใหญ่หรือบันไดสู่ความสำเร็จได้..?” คำตอบจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือบุคคลรอบข้าง มีปรัชญาง่าย ๆแต่ปฏิบัติยากเพียง 5 ข้อเท่านั้นคือ
1. จดจำไม่ลืมเลือน
เรื่องดีเก็บเกี่ยวให้เป็นความทรงจำอันประทับใจเพื่อ สร้างความสุข
เรื่องร้ายเก็บใส่ใจเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจเพื่อไม ่ให้เกิดข้อผิดพลาดเช่นเดิมอีกต่อไปในอนาคต
2. โอนอ่อนดั่งต้นหลิว
การอ่อนน้อมถ่อมตน ล้วนเป็นข้อปฏิบัติที่สำคัญสำหรับผู้ที่ประสบความสำเ ร็จทั้งหลาย การรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีไ ม่คล้อยตามบุคคลอื่นอย่างไร้เหตุผล การกระทำเช่นนี้เปรียบได้กับต้นหลิวใหญ่ที่รู้จักลู่ ลมเมื่อพายุฝนพัดกระหน่ำ แม้ต้นไม้ใหญ่ทั้งหลายจักโค่นล้มลงเท่าใดก็ตาม หากแต่ต้นหลิวก็ยังคงทนอยู่ได้อย่างมั่นคงสืบไป
3. เมตตารู้จักให้
การรู้จักให้ความเมตตา ให้ความรัก ให้อภัย หรือสิ่งใดก็ตามในทางที่ดีแก่ผู้อื่นนั้น ย่อมสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ได้ประสบพบเห็นเสม อ ดั่งพุทธพจน์ที่ว่า “ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก”
4. สนใจรับผิดชอบ
ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการงาน เรื่องครอบครัว เรื่องเวลานัดหมาย เรื่องเพื่อนฝูงญาติพี่น้องและตนเอง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจและเอาใจใส่หากบุคค ลใดบกพร่องต่อหน้าที่ความรับผิดชอบแล้วไซร้ เห็นที่จะประสบความสำเร็จได้ยาก ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณตัดเส้นทางเดินสู่ความยิ่งใหญ่ข องคุณเช่นกัน
5. อดทนจนได้ชัย
“เป้าหมายที่ปลายมือย่อมดีกว่าเป้าหมายที่ปลายฟ้า” ความหวังที่จะประสบผลสำเร็จในความปรารถนาที่จับต้องไ ด้และไม่ไกลเกินฝันนั้น แม้จะยังไม่สำเร็จในวันนี้หากรู้จักความมานะอดทนสักว ันหนึ่งวันข้างหน้าก็ต้องประสบความสำเร็จจนได้ เช่นเดียวกับสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยที ่พี่ชายผู้เขียนเป็นนายกสมาคมฯ และผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาสมาคมฯ ซึ่งกลายเป็นทีมกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี 2547 สามารถคว้าเหรียญกีฬาโอลิมปิค ได้ถึง 4 เหรียญ เราต้องใช้ระยะเวลาในการหล่อหลอมฝึกฝนนักกีฬาแต่ละคน ไม่ต่ำกว่า 8- 10 ปี ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ กว่าจะมีวันแห่งชัยชนะและเป็นสุดยอดของทีมนักกีฬาไทย หรือแม้กระทั่งทีมเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยรังสิ ต ที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันที่ประเทศอังกฤษจนกระทั ่งกลายเป็นทีมเชียร์ลีดเดอร์แชมป์โลก ต่างก็ต้องอดทนต่ออุปสรรคมากมายกว่าจะถึงเส้นชัย ดังนั้นการก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่นั้นจำเป็นต้องอดทน
1. จดจำไม่ลืมเลือน
เรื่องดีเก็บเกี่ยวให้เป็นความทรงจำอันประทับใจเพื่อ สร้างความสุข
เรื่องร้ายเก็บใส่ใจเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจเพื่อไม ่ให้เกิดข้อผิดพลาดเช่นเดิมอีกต่อไปในอนาคต
2. โอนอ่อนดั่งต้นหลิว
การอ่อนน้อมถ่อมตน ล้วนเป็นข้อปฏิบัติที่สำคัญสำหรับผู้ที่ประสบความสำเ ร็จทั้งหลาย การรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีไ ม่คล้อยตามบุคคลอื่นอย่างไร้เหตุผล การกระทำเช่นนี้เปรียบได้กับต้นหลิวใหญ่ที่รู้จักลู่ ลมเมื่อพายุฝนพัดกระหน่ำ แม้ต้นไม้ใหญ่ทั้งหลายจักโค่นล้มลงเท่าใดก็ตาม หากแต่ต้นหลิวก็ยังคงทนอยู่ได้อย่างมั่นคงสืบไป
3. เมตตารู้จักให้
การรู้จักให้ความเมตตา ให้ความรัก ให้อภัย หรือสิ่งใดก็ตามในทางที่ดีแก่ผู้อื่นนั้น ย่อมสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ได้ประสบพบเห็นเสม อ ดั่งพุทธพจน์ที่ว่า “ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก”
4. สนใจรับผิดชอบ
ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการงาน เรื่องครอบครัว เรื่องเวลานัดหมาย เรื่องเพื่อนฝูงญาติพี่น้องและตนเอง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจและเอาใจใส่หากบุคค ลใดบกพร่องต่อหน้าที่ความรับผิดชอบแล้วไซร้ เห็นที่จะประสบความสำเร็จได้ยาก ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณตัดเส้นทางเดินสู่ความยิ่งใหญ่ข องคุณเช่นกัน
5. อดทนจนได้ชัย
“เป้าหมายที่ปลายมือย่อมดีกว่าเป้าหมายที่ปลายฟ้า” ความหวังที่จะประสบผลสำเร็จในความปรารถนาที่จับต้องไ ด้และไม่ไกลเกินฝันนั้น แม้จะยังไม่สำเร็จในวันนี้หากรู้จักความมานะอดทนสักว ันหนึ่งวันข้างหน้าก็ต้องประสบความสำเร็จจนได้ เช่นเดียวกับสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยที ่พี่ชายผู้เขียนเป็นนายกสมาคมฯ และผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาสมาคมฯ ซึ่งกลายเป็นทีมกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี 2547 สามารถคว้าเหรียญกีฬาโอลิมปิค ได้ถึง 4 เหรียญ เราต้องใช้ระยะเวลาในการหล่อหลอมฝึกฝนนักกีฬาแต่ละคน ไม่ต่ำกว่า 8- 10 ปี ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ กว่าจะมีวันแห่งชัยชนะและเป็นสุดยอดของทีมนักกีฬาไทย หรือแม้กระทั่งทีมเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยรังสิ ต ที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันที่ประเทศอังกฤษจนกระทั ่งกลายเป็นทีมเชียร์ลีดเดอร์แชมป์โลก ต่างก็ต้องอดทนต่ออุปสรรคมากมายกว่าจะถึงเส้นชัย ดังนั้นการก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่นั้นจำเป็นต้องอดทน
เพชรกับถ่าน
เพชรมีค่ามากกว่าถ่านหลายล้านเท่า ทั้งๆ ที่เพชรเป็นธาตุคาร์บอนเหมือนกัน
ไม้ผ่านการอบการเผา ไม่นานก็กลายเป็นถ่าน
แต่เพชรผ่านความร้อน ไม่ต่ำกว่า 5,000 องศาฟาเรนไฮต์
ได้รับความกดดันมากกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อตารางนิ้ว...
ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งกลายเป็นเพชร
เพชรที่เป็นเครื่องประดับอันงดงาม
พร้อมๆ กับเป็นของที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก
............................
ถ้าเธอกำลังได้รับความกดดันอยู่
จงอดทน... จงอดทน...
ถ้าเธอกำลังถูกเคี่ยวถูกสับ ให้คิดว่าเพียงแค่นี้
จะทำให้เป้าหมายเราสั่นคลอนได้หรือ?
ถ้าสถานการณ์กำลังบีบคั้น
แสดงว่าชัยชนะกำลังรออยู่ข้างหน้า
ถ้ายังถูกโหมกระหน่ำอีกให้รู้ตัวว่า
เธอกำลังใกล้จะเป็นเพชรเต็มที่แล้ว....
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากหยุดคิดพิจารณาอย่างมีสติ
ย่อมจะเกิดปัญญาพบหนทางสว่างได้เสมอ
จงมุ่งมั่นอาจหาญสง่างาม เสมือนดั่งเพชร
แม้เพชรจะตกอยู่ในสภาวะทุกข์ยากลำบาก อ้างว้างและโดดเดี่ยว
แต่เพราะเพชรไม่เคยย่อท้อต่อสู้เรื่อยไป
ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นบทเรียนและบทฝึกตัวเองเสมอ
จนกาลเวลาผ่านไป
เพชรจึงภูมิใจในตัวของมันเอง
และด้วยความอดทนถึงที่สุดนั่นเอง
เพชรจึงเป็นอัญมณีล้ำค่า
ควรแก่การประดับมงกุฎของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
จากอดีต... ปัจจุบัน....ตลอดไปในอนาคต
ไม้ผ่านการอบการเผา ไม่นานก็กลายเป็นถ่าน
แต่เพชรผ่านความร้อน ไม่ต่ำกว่า 5,000 องศาฟาเรนไฮต์
ได้รับความกดดันมากกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อตารางนิ้ว...
ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งกลายเป็นเพชร
เพชรที่เป็นเครื่องประดับอันงดงาม
พร้อมๆ กับเป็นของที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก
............................
ถ้าเธอกำลังได้รับความกดดันอยู่
จงอดทน... จงอดทน...
ถ้าเธอกำลังถูกเคี่ยวถูกสับ ให้คิดว่าเพียงแค่นี้
จะทำให้เป้าหมายเราสั่นคลอนได้หรือ?
ถ้าสถานการณ์กำลังบีบคั้น
แสดงว่าชัยชนะกำลังรออยู่ข้างหน้า
ถ้ายังถูกโหมกระหน่ำอีกให้รู้ตัวว่า
เธอกำลังใกล้จะเป็นเพชรเต็มที่แล้ว....
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากหยุดคิดพิจารณาอย่างมีสติ
ย่อมจะเกิดปัญญาพบหนทางสว่างได้เสมอ
จงมุ่งมั่นอาจหาญสง่างาม เสมือนดั่งเพชร
แม้เพชรจะตกอยู่ในสภาวะทุกข์ยากลำบาก อ้างว้างและโดดเดี่ยว
แต่เพราะเพชรไม่เคยย่อท้อต่อสู้เรื่อยไป
ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นบทเรียนและบทฝึกตัวเองเสมอ
จนกาลเวลาผ่านไป
เพชรจึงภูมิใจในตัวของมันเอง
และด้วยความอดทนถึงที่สุดนั่นเอง
เพชรจึงเป็นอัญมณีล้ำค่า
ควรแก่การประดับมงกุฎของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
จากอดีต... ปัจจุบัน....ตลอดไปในอนาคต
ชีวิตไม่สิ้นต้องดิ้นต่อไป
ตราบใดที่ยังคงเดินอยู่บนเส้นทางเดินชีวิต ย่อมต้องพบกับอุปสรรค
สะดุดหกล้ม เหยียบบนหินก้อนเล็กแหลมคม
หรือสะดุดหกล้มหินก้อนใหญ่
มันไม่สำคัญหรอก
สำคัญที่ว่าจะรับลุกขึ้นและก้าวเดินต่อไปหรือไม่อย่างไร"
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
จงเป็นตัวของตัวเองตลอดเวลา
ตราบใดที่มีชีวิต ตราบนั้นยังมีความหวัง
ตราบใดที่มีความหวัง ตราบนั้นยังมีชีวิต
ไม่มีขณะใดเลยในชีวิต ที่สมควรแก่การสิ้นหวัง"
-------------------------------
ชีวิตไม่สิ้น..ต้องดิ้น ต้องเดินต่อไป
มนุษย์ทุกคนต่างก็มีความใฝ่ฝันและมีอุดมการณ์ของตนเอง
ฉะนั้นควรใช้อุดมการณ์และความใฝ่ฝันกรุยทางไปสู่ความสำเร็จในชีวิต
โดยวางแผนอนาคตชีวิตให้กับตนเอง พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างมานะบากบั่น
พยายามทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้เป็นรูปเป็นร่าง แม้จะต้องพบอุปสรรคล้มลุกคลุกคลานบ้าง ล้มเหลวบ้าง
จงเดินหน้าต่อไป อย่าท้อถอยสิ้นหวัง อย่าหมดกำลังใจ และอย่าคิดว่าพ่ายแพ้
หากชีวิตของเรายังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชัยชนะมาให้ได้
"มนุษย์อาจล้มเหลวเพราะถูกทำลาย แต่ไม่อาจล้มได้เพราะความพ่ายแพ้"
ความสำเร็จถูกลิขิตขึ้นจากความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า
คนที่เคยพ่ายแพ้อาจกลายเป็นผู้ชนะได้
ถ้าพยายามค้นหาสาเหตุให้พบ และใช้เป็นบทเรียนเพื่อเปลี่ยนทางเดินชีวิตใหม่
อย่าเดินซ้ำเส้นทางที่เคยทำให้พ่ายแพ้และล้มเหลว
ในขณะเดียวกันก็ต้องมองหาทางเดินใหม่ที่มั่นคงและปลอดภัยกว่าเดิม
เพื่อเริ่มต้นทำความใฝ่ฝันและอุดมการณ์ให้เป็นความจริงขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่ประมาท และมีความรอบคอบยิ่งกว่าเดิม
*********************************************************
สะดุดหกล้ม เหยียบบนหินก้อนเล็กแหลมคม
หรือสะดุดหกล้มหินก้อนใหญ่
มันไม่สำคัญหรอก
สำคัญที่ว่าจะรับลุกขึ้นและก้าวเดินต่อไปหรือไม่อย่างไร"
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
จงเป็นตัวของตัวเองตลอดเวลา
ตราบใดที่มีชีวิต ตราบนั้นยังมีความหวัง
ตราบใดที่มีความหวัง ตราบนั้นยังมีชีวิต
ไม่มีขณะใดเลยในชีวิต ที่สมควรแก่การสิ้นหวัง"
-------------------------------
ชีวิตไม่สิ้น..ต้องดิ้น ต้องเดินต่อไป
มนุษย์ทุกคนต่างก็มีความใฝ่ฝันและมีอุดมการณ์ของตนเอง
ฉะนั้นควรใช้อุดมการณ์และความใฝ่ฝันกรุยทางไปสู่ความสำเร็จในชีวิต
โดยวางแผนอนาคตชีวิตให้กับตนเอง พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างมานะบากบั่น
พยายามทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้เป็นรูปเป็นร่าง แม้จะต้องพบอุปสรรคล้มลุกคลุกคลานบ้าง ล้มเหลวบ้าง
จงเดินหน้าต่อไป อย่าท้อถอยสิ้นหวัง อย่าหมดกำลังใจ และอย่าคิดว่าพ่ายแพ้
หากชีวิตของเรายังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชัยชนะมาให้ได้
"มนุษย์อาจล้มเหลวเพราะถูกทำลาย แต่ไม่อาจล้มได้เพราะความพ่ายแพ้"
ความสำเร็จถูกลิขิตขึ้นจากความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า
คนที่เคยพ่ายแพ้อาจกลายเป็นผู้ชนะได้
ถ้าพยายามค้นหาสาเหตุให้พบ และใช้เป็นบทเรียนเพื่อเปลี่ยนทางเดินชีวิตใหม่
อย่าเดินซ้ำเส้นทางที่เคยทำให้พ่ายแพ้และล้มเหลว
ในขณะเดียวกันก็ต้องมองหาทางเดินใหม่ที่มั่นคงและปลอดภัยกว่าเดิม
เพื่อเริ่มต้นทำความใฝ่ฝันและอุดมการณ์ให้เป็นความจริงขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่ประมาท และมีความรอบคอบยิ่งกว่าเดิม
*********************************************************
การซื้อสิทธิขายเสียง
การซื้อสิทธิ ขายเสียง คือการซื้อขายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
สภาวะการเมืองไทยในปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงความบกพร่องของสังคมเนื่องมาจากการแข่งขันแก่งแย่งชิงดีกันโดยไม่หวาดหวั่น สังคมไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ล้วนเกิดจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดีพยายามใช้วิธีซื้อเสียงของผู้อื่น เพื่อเป็นสะพานทอดให้ตัวเองได้มีอำนาจและตำแหน่งทางการเมือง จากนั้นก็กอบโกยและแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเองโดยไม่เคยสนใจว่าประชาชนจะลำบากหรือจะเกิดผลกระทบในทางที่ไม่ดีอย่างไรต่อสังคม
ซื้อสิทธิ ขายเสียงการซื้อสิทธิ์ การซื้อสิทธิขายเสียงได้ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องของ คนดี-คนเลว คนรู้-คนไม่รู้ เป็นปัญหาระดับบุคคลที่แก้ไขได้โดยการรณรงค์/ประชาสัมพันธ์ แทนที่จะเป็นเรื่องที่มีรากเหง้ามาจากสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ขายเสียงเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้ประชาธิปไตยไม่พัฒนา เงินทำให้ประชาชนระงับการใช้วิจารณญาณอิสระของตนเอง ที่จะเลือกตำแหน่งสาธารณะต่างๆ การใช้วิจารณญาณอิสระเป็นเงื่อนไขสำคัญในระบอบประชาธิปไตย หากทว่าการพิจารณาว่าจะขายเสียงแก่เบอร์ไหนถึงจะได้ "กำไร" สูงสุดต้องนับเป็นการใช้วิจารณญาณอิสระอย่างหนึ่งเหมือนกันฉะนั้นโดยอุดมคติแล้ว การใช้วิจารณญาณอิสระก็ควรใช้เพื่อมุ่งต่อประโยชน์ "ส่วนรวม" ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว ค่านิยมของประชาชนจำนวนมากที่เคยชินกับการรับเงินซื้อเสียงเพื่อไปเลือกตั้งกำลังลามระบาดไปทั่วประเทศอย่างน่ากลัว ดังคำกล่าวอย่างไม่รับผิดชอบว่า “เงินไม่มา-กาไม่เป็น” และน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งที่ค่านิยมในการซื้อ-ขายเสียงอัตราระดับท้องถิ่น กำลังแพร่หลายไปในการเลือกตั้งระดับชาติ การซื้อสิทธิ์ขายเสียงเป็นศัตรูบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยจนวิกฤติศรัทธาจริงๆ ถ้าหากยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองของประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและประชาชนทุกคนที่จะต้องรีบเร่งกำจัดการซื้อเสียงในการเลือกตั้งทุกระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ
สิทธิ คือ อำนาจอันชอบธรรม ซึ่งบุคคลทุกคนพึงมีพึงได้ โดยไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น
สิทธิที่มีอยู่นี้จะปรากฏในหลาย ๆ ด้าน เช่น สิทธิในบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ตลอดจนทรัพย์สินต่าง ๆ
ของตนเอง ที่เรียกว่า สิทธิตามกฎหมายแพ่ง หรือในการเลือกตั้งบุคคลทุกคนก็มีสิทธิในการ
เลือกตั้ง ตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีสิทธิในร่างกาย สิทธิในการประกอบกิจการ
ต่าง ๆ ตามที่ตนเองต้องการและสิทธิที่สำคัญที่สุดของบุคคลก็คือ สิทธิตามกฎหมาย สิทธิสามารถจำแนกได้ดังนี้ สิทธิพลเมือง ได้แก่ สิทธิส่วนบุคคล ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแห่งชีวิตและร่างกาย การไม่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ การมีเสรีภาพในการเชื่อถือและปฏิบัติตามความเชื่อถือของตนตามลัทธิ หรือนิกายต่างๆ รวมถึงสิทธิที่จะนับถือหรือไม่นับถือศาสนา และสิทธิอันเสมอภาคระหว่างความแตกต่างทางเพศ นอกจากนี้ยังหมายถึง สิทธิการได้รับสัญชาติ สิทธิในความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย สิทธิที่จะได้รับการปกป้องจากการจับกุมหรือคุมขังโดยมิชอบ สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาในศาลอย่างยุติธรรม สิทธิทางการเมือง ได้แก่ สิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมืองในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย หรือเรียกว่า สิทธิในการเลือกหรือกำหนดวิถีชีวิตของตนเองทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งจะใช้สิทธิดังกล่าวผ่าน ระบบตัวแทนในการเลือกตั้ง หรือ การมีส่วนร่วมทางตรง ก็ได้ ซึ่งสิทธิทางการเมืองในระบบตัวแทน จะมีความหมายถึง สิทธิในการเลือกผู้แทนเข้าไปบริหารประเทศอย่างเสรีและปราศจากการแทรกแซงใดๆ สิทธิในการสมัครผู้แทน สิทธิในการจัดตั้งกลุ่มทางการเมือง และสิทธิในการเข้าร่วมพรรคการเมือง สิทธิทางการเมืองยังรวมถึงสิทธิในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมือง สิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองตามวิถีประชาธิปไตยที่ยอมรับความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง สิทธิในการชุมนุมทางการเมืองอย่างสันติ สิทธิในการเสนอ ร้องเรียน หรือตั้งข้อเรียกร้องทางการเมือง และสิทธิในมีส่วนร่วมกับรัฐในการดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์สาธารณะ สิทธิทางเศรษฐกิจ ได้แก่ สิทธิในการมีงานทำ สิทธิในการประกอบอาชีพตามต้องการ สิทธิในการเลือกงานอย่างอิสระและได้รับค่าจ้างอย่างเป็นธรรม สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน สิทธิที่จะได้รับหลักประกันทางเศรษฐกิจที่พอเพียงจากรัฐ เช่น การได้รับอาหารที่เพียงพอแก่การยังชีพ และความเสมอภาคในทางเศรษฐกิจ เป็นต้น สิทธิทางสังคม ได้แก่ สิทธิในการอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข มั่นคง และเท่าเทียมกันทุกคน จึงหมายความถึงสิทธิในการได้รับการศึกษา สิทธิการได้รับหลักประกันด้านสุขภาพ สิทธิในการได้รับการดูแลจากรัฐเพื่อความมั่นคงในชีวิต และสิทธิ เสรีภาพในการเลือกคู่ครองและสร้างครอบครัว สิทธิทางวัฒนธรรม ได้แก่ สิทธิ เสรีภาพในการใช้ภาษา หรือ สื่อความหมายในภาษาท้องถิ่น การมีอัตลักษณ์ของกลุ่ม ชุมชน หรือท้องถิ่น การแต่งกายตามวัฒนธรรม การปฏิบัติตามวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของตน การพักผ่อนหย่อนใจทางศิลปวัฒนธรรมของตน สิทธิมนุษยชน ถือเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่ต้องปฏิบัติต่อกันระหว่างมนุษย์ ที่อาจมีกฎหมายหรือไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ก็ได้ เช่น สิทธิในชีวิตและร่างกาย ที่แม้หากไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิด มนุษย์ย่อมรู้ได้ว่าไม่ควรทำร้ายร่างกายหรือฆ่ากัน แต่สิทธิอื่นๆ บางประการ เช่น สิทธิในการได้รับหลักประกันทางเศรษฐกิจในการได้รับอาหารที่พอเพียงนั้น หากไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ย่อมไม่รู้ว่าการขาดแคลนอาหารของผู้คนในประเทศเป็นการกระทำผิดของรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ต้องดูแล รับผิดชอบและจัดการให้คนในชาติได้รับอาหารเพียงพอแก่การมีชีวิตอยู่รอด และถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ
สิทธิที่มีอยู่นี้จะปรากฏในหลาย ๆ ด้าน เช่น สิทธิในบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ตลอดจนทรัพย์สินต่าง ๆ
ของตนเอง ที่เรียกว่า สิทธิตามกฎหมายแพ่ง หรือในการเลือกตั้งบุคคลทุกคนก็มีสิทธิในการ
เลือกตั้ง ตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีสิทธิในร่างกาย สิทธิในการประกอบกิจการ
ต่าง ๆ ตามที่ตนเองต้องการและสิทธิที่สำคัญที่สุดของบุคคลก็คือ สิทธิตามกฎหมาย สิทธิสามารถจำแนกได้ดังนี้ สิทธิพลเมือง ได้แก่ สิทธิส่วนบุคคล ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแห่งชีวิตและร่างกาย การไม่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ การมีเสรีภาพในการเชื่อถือและปฏิบัติตามความเชื่อถือของตนตามลัทธิ หรือนิกายต่างๆ รวมถึงสิทธิที่จะนับถือหรือไม่นับถือศาสนา และสิทธิอันเสมอภาคระหว่างความแตกต่างทางเพศ นอกจากนี้ยังหมายถึง สิทธิการได้รับสัญชาติ สิทธิในความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย สิทธิที่จะได้รับการปกป้องจากการจับกุมหรือคุมขังโดยมิชอบ สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาในศาลอย่างยุติธรรม สิทธิทางการเมือง ได้แก่ สิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมืองในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย หรือเรียกว่า สิทธิในการเลือกหรือกำหนดวิถีชีวิตของตนเองทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งจะใช้สิทธิดังกล่าวผ่าน ระบบตัวแทนในการเลือกตั้ง หรือ การมีส่วนร่วมทางตรง ก็ได้ ซึ่งสิทธิทางการเมืองในระบบตัวแทน จะมีความหมายถึง สิทธิในการเลือกผู้แทนเข้าไปบริหารประเทศอย่างเสรีและปราศจากการแทรกแซงใดๆ สิทธิในการสมัครผู้แทน สิทธิในการจัดตั้งกลุ่มทางการเมือง และสิทธิในการเข้าร่วมพรรคการเมือง สิทธิทางการเมืองยังรวมถึงสิทธิในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมือง สิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองตามวิถีประชาธิปไตยที่ยอมรับความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง สิทธิในการชุมนุมทางการเมืองอย่างสันติ สิทธิในการเสนอ ร้องเรียน หรือตั้งข้อเรียกร้องทางการเมือง และสิทธิในมีส่วนร่วมกับรัฐในการดำเนินกิจการที่เป็นประโยชน์สาธารณะ สิทธิทางเศรษฐกิจ ได้แก่ สิทธิในการมีงานทำ สิทธิในการประกอบอาชีพตามต้องการ สิทธิในการเลือกงานอย่างอิสระและได้รับค่าจ้างอย่างเป็นธรรม สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน สิทธิที่จะได้รับหลักประกันทางเศรษฐกิจที่พอเพียงจากรัฐ เช่น การได้รับอาหารที่เพียงพอแก่การยังชีพ และความเสมอภาคในทางเศรษฐกิจ เป็นต้น สิทธิทางสังคม ได้แก่ สิทธิในการอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข มั่นคง และเท่าเทียมกันทุกคน จึงหมายความถึงสิทธิในการได้รับการศึกษา สิทธิการได้รับหลักประกันด้านสุขภาพ สิทธิในการได้รับการดูแลจากรัฐเพื่อความมั่นคงในชีวิต และสิทธิ เสรีภาพในการเลือกคู่ครองและสร้างครอบครัว สิทธิทางวัฒนธรรม ได้แก่ สิทธิ เสรีภาพในการใช้ภาษา หรือ สื่อความหมายในภาษาท้องถิ่น การมีอัตลักษณ์ของกลุ่ม ชุมชน หรือท้องถิ่น การแต่งกายตามวัฒนธรรม การปฏิบัติตามวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของตน การพักผ่อนหย่อนใจทางศิลปวัฒนธรรมของตน สิทธิมนุษยชน ถือเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่ต้องปฏิบัติต่อกันระหว่างมนุษย์ ที่อาจมีกฎหมายหรือไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ก็ได้ เช่น สิทธิในชีวิตและร่างกาย ที่แม้หากไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิด มนุษย์ย่อมรู้ได้ว่าไม่ควรทำร้ายร่างกายหรือฆ่ากัน แต่สิทธิอื่นๆ บางประการ เช่น สิทธิในการได้รับหลักประกันทางเศรษฐกิจในการได้รับอาหารที่พอเพียงนั้น หากไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ย่อมไม่รู้ว่าการขาดแคลนอาหารของผู้คนในประเทศเป็นการกระทำผิดของรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ต้องดูแล รับผิดชอบและจัดการให้คนในชาติได้รับอาหารเพียงพอแก่การมีชีวิตอยู่รอด และถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ
มนุษย์ คือ ผู้ที่มีจิตใจประเสริฐสูงค่ากว่าสัตว์เดรัชฉานถึงแม้ว่ามนุษย์บางคนจะมีกิเลสครอบงำแต่อย่างน้อยก็ยังรู้จักผิดชอบชั่วดี รู้ตัวว่ากำลังกระทำอะไร ประเทศไทยของเรามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยซึ่งประชาชนชาวไทยทุกคนมีสิทธิที่จะออกเสียงได้อย่างเสรี เพราะฉะนั้นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของประชาชนคือการออกเสียงใช้สิทธิของตนเองที่มีอยู่อย่างเต็มที่และเป็นไปอย่างถูกต้องเพื่อรักษาเสถียรภาพทางด้านสังคมให้คงอยู่ ศักดิ์ศรี คือ การทำสิ่งที่ดีและถูกต้อง ใครจะดูถูกหรือหยามเหยียดอะไรก็ไม่ถือสา เพราะได้ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว คนเรามักพูดกันเสมอว่าศักดิ์ศรีเงินซื้อไม่ได้ แสดงให้เห็นว่ามันมีคุณค่ามากจึงไม่สามารถที่จะตีออกมาเป็นมูลค่าได้ มนุษย์เรามีศักดิ์ศรีอยู่ในตัวแต่ขึ้นอยู่กับตัวเองว่าจะรักษาศักดิ์ศรีให้คงอยู่กับตัวเราหรือจะขายศักดิ์ศรีให้แก่คนอื่นเพราะเห็นแก่มูลค่าทรัพย์สินที่เขาจะนำมาให้ ศักดิ์ศรี คือ ความเป็นตัวของเรา ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่หากยอมให้ใครเอาเงินมาฟาดได้วันนั้นแหละจำทำให้เราหมดศักดิ์ศรีแล้ว ไม่ให้เกียรติกับตัวเอง ตีค่าศักดิ์ศรีของตัวเองแค่เงินตราเพราะทำให้วัตถุมีคุณค่าเหนือจิตใจและศักดิ์ศรีของตัวเอง
ในการเลือกตั้งสภาผู้แทนแต่ละครั้งมักจะมีการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งเพราะตนเองต้องการที่จะเป็นใหญ่ แต่ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ประชาชนทุกคนก็มีสิทธิอย่างเต็มที่ที่จะปฏิเสธบุคคลข้างต้น หรือเรามีสิทธิ์อย่างเต็มที่ ที่จะสร้างสรรค์สังคมที่เราดำรงชีวิตอยู่ให้ดำเนินไปในหนทางที่ถูกต้อง เพราะศักดิ์ที่เราทุกคนมีอยู่คือสิ่งที่คอยกำหนดอนาคตการเมืองในประเทศของเรา เราทุกคนมีศักดิ์ศรี เราจึงไม่ควรที่จะปล่อยให้บุคคลบางกลุ่มที่ประสงค์ร้ายต่อเราและบ้านเมืองของเรามันครอบครองประเทศ จนศักดิ์ศรีของเราสูญหายไป กลายเป็นคนไร้สิทธิทางการเมือง เหมือนคนที่ถูกกักขังไม่สามารถแม้แต่การเอ่ยปากเพื่อแสดงความคิดเห็นในด้านดีๆ ต่อสังคม เพราะสิทธิทางการบริหารประเทศที่มีอยู่ได้ไปตกอยู่ในเนื้อมือของผู้ที่ไม่หวังดีต่อสังคมไทยเราเพียงผู้เดียวและอะไรคือสาเหตุ คำตอบคงไม่มีใครบอกเราได้เท่ากับตัวของเราเองทุกคน ทิศทางของประเทศควรจะเดินไปในทิศทางใด เพื่อให้ธงไตรรงค์ได้โบกสะบัดด้วยความภาคภูมิในความเป็นชาติไทยตลอดไป อยู่ที่ตัวเราทุกคนที่จะต้องมานั่งตั้งคำถามและหาคำตอบให้กับตัวเองว่า การเลือกตั้งในไม่กี่วันข้างหน้าเราหาทางออกให้ประเทศไทยอย่างไร ซื้อสิทธิ ขายเสียงอย่างที่เคยทำกันมาอย่างนั้นดีหรือไม่คำตอบในใจของข้าพเจ้าคือไม่ เพราะการซื้อสิทธิขายเสียงเป็นความต้องการของผู้ที่อยากเป็นใหญ่เป็นโตและอยากจะกอบโกยผลประโยชน์จากส่วนรวม
ประชาชนอย่างเรามีความคิด มีวิจารณญาณผ่านร้อนผ่านหนาวของเหตุการบ้านเมืองมานักต่อนักแล้วอย่าให้ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือพรรคการเมืองไม่ควรปล่อยให้เงินตราเข้ามาซึมซับเป็นปัจจัยที่หกของชีวิตชนิดที่ขาดไม่ได้ เพราะประชาชนเปรียบเสมือนกระดาษขาวที่จะซับสีที่จะนำมาให้ หากมีการนำสีแห่งเงินตราเข้ามาให้ดูดซับ ารซื้อสิทธิขายเสียงก็จะถูกดูดซับเข้าไว้ในใจ และหากการเลือกตั้งทุกครั้งพรรคการเมือง นักการเมืองป้อนเงินให้ประชาชนดูดซับ รับกับประชาชนก็พร้อมซึมซับอย่างไม่หลีกเลี่ยงด้วยการซื้อสิทธิขายเสียง ประชาชน พรรคการเมือง นักการเมืองก็จะซึมซับวิธีคิดแบบนี้ไปตลอดตราบเท่าที่มีการเลือกตั้งทุกๆครั้งก็จะมีการซื้อขายเสียงจนในบางครั้งการซื้อขายเสียงแทบจะกลายเป็นวัฒนธรรมของสังคมการเมืองไทยในปัจจุบันไปแล้ว และเมื่อถึงวันนั้นมันอาจกลายเป็นเนื้องอกร้ายที่ยังคง รักษาไม่หายขาดดั่งเช่นปัจจุบันแล้วอนาคตข้างหน้าเราจะบอกลูกหลานของเราได้อย่างไรว่า ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์มันหมายถึงอะไร ในเมื่อใครๆก็รักคำนี้มาก แต่มากกว่ามากคือการทำลายมันลงทุกวันๆเพราะความเห็นคุณค่าของวัตถุภายนอกมากเกินไป อย่าลืมว่าการซื้อสิทธิขายเสียงก็มิได้แตกต่างอะไรกับการซื้อขายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และในเมื่อมนุษย์ทุกคนขายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้เขาไปหมดแล้ว จะมีใครกล้ายืนอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ด้วยกับการมีชีวิตอย่างเต็มภาคภูมิ
การคงอยู่ของสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คือการคงอยู่ของตัวเราเอง ขณะเดียวกันที่เราได้ซื้อขายสิทธิอันชอบธรรมของเราเองให้กับผู้อื่น ก็เท่ากับว่าเรากำลังซื้อขายศักดิ์ศรีของตัวเอง หรือกำลังมอบจิตวิญญาณของสัตว์ที่รู้คิดให้กับผู้อื่นเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของเรา โดยตัวเราเองเป็นผู้หยิบยื่นให้อย่างเย็นชาไม่แยแสต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อตัวเองและสังคม ทั้งทรัพยากรรอบตัวที่เราทุกคนต่างก็มีความจำเป็นต้องอุปโภคบริโภคอยู่ทุกวี่วัน การปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็เท่ากับว่า สิ่งที่ไม่ยั่งยืนคือสิ่งที่เราต้องการมากกว่าความเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีและสิทธิในสังคม
ปัจจุบันปัญหาคอรัปชั่นเป็นปัญหาที่หยั่งรากฝังลึกลงไปในสังคมของประเทศไทย เกิดขึ้นตั้งแต่ในระดับกระทรวงจนถึงองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ในปัจจุบันว่ากันว่าองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นองค์กรที่มีการโกงกินคอรัปชั่นมากที่สุด จึงทำให้เกิดปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงกันไปทั่ว ข้าพเจ้าคิดว่าเหตุที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดปัญหาเช่นนี้เพราะ เป็นองค์กรที่แยกย่อยมาจากส่วนกลางและห่างไกลจากสายตาของผู้ตรวจสอบทั้งหลายจึงทำให้คนที่มีความสามารถ ฉลาด แต่ไร้ซึ่งคุณธรรมเห็นถึงช่องในการทำมาหากินจากการคอรัปชั่น สาเหตุอีกประการหนึ่งเกิดจากการเลียนแบบเพราะเนื่องจากเมื่อเห็นคนคอรัปชั่นแล้วแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ถูกลงโทษตามกฏหมายที่ควรจะได้รับโทษกลับสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งและแผ่กระจายอำนาจ ทำให้ความคิดแบบนี้แพ่กระจายไปสู่คนอื่นๆในสังคม แต่ข้าพเจ้าคิดว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดการซื้อสิทธิขายเสียง ขายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ก็เพราะขาดความรู้ ขาดการศึกษา ทำให้โดนชักจูงง่ายๆจากผู้ที่ฉลาดกว่า ควรมีการให้การศึกษาให้กับประชาชนให้ทั่วถึงโดยเฉพาะกฏหมายพื้นฐานในชีวิตประจำวัน มีประชาชนไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่เข้าใจกฏหมายและในประเทศไทยคนส่วนใหญ่ก็เป็นประเภทที่ไม่ค่อยจะรู้กฏหมายจึงเป็นช่องโหว่ทำให้คนโกงเหล่านี้เข้ามามีบทบาทอำนาจทางการเมืองด้วยการซื้อสิทธิ ขายเสียง ประชาชนอีกกลุ่มที่จะโดนล่อลองให้ขายศักดิ์ศรีก็คือ คนจนหรือชนชั้นล่าง เพราะเขาเหล่านี้ขาดเงินขาดทุนในการทำมาหากินเมื่อนำเงินมายื่นให้ก็ต้องรีบรับไว้เพื่อนำมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องจุนเจือครอบครัว แต่โดยนิสัยทั่วไปของคนไทยเป็นคนจิตใจดีมีความสำนึกในบุญคุณ คนโกงเหล่านั้นจึงเห็นข้อดีจุดนี้และเปลี่ยนให้กลายเป็นจุดอ่อน กลับกลายเป็นว่าเป็นการเกื้อหนุนคนเหล่านั้น ผลกระทบโดยส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการคอรัปชั่นก็ไม่ได้ส่งผลถึงชนชั้นสูง หรือชนชั้นกลางมากเท่าไหร่นัก แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากคือ ชนชั้นล่างเนื่องจากทรัพยากรเครื่องอุปโภคบริโภคหรือความช่วยเหลือต่างๆได้โดนคอรัปชั่นไปจากคนเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนโกงเป็น นายกอบต. แห่งนี้ ตำบลแห่งนี้เกิดน้ำท่วมขึ้น ทำให้เกิดภาวะอดอยากขึ้น สำหรับคนชั้นกลางขึ้นไปพอจะสามารถหาเงินมาซื้อของได้ถ้าขณะนั้นทาง อบต. ไม่ได้จัดเครื่องอุปโภคบริโภคมาแจกจ่ายหรืออาจจะนำของไม่ได้คุณภาพมาแจกจ่ายเนื่องจากมีการโกงงบประมาณส่วนนั้นไป แต่สำหรับคนจน เขาเหล่านี้มักจะไม่มีเงินทองหรือความพร้อมมากพอที่จะมาซื้อของใช้เครื่องใช้ในภาวะน้ำท่วม จะเห็นได้ว่าผลกระทบส่วนรใหญ่จะไปอยู่ที่คนจนหรือชนชั้นล่างที่ต้องรอความช่วยเหลือจากภาครัฐ สาเหตุอีกข้อนึงคือข้าพเจ้าคิดว่ามาจากสภาพสังคม เพราะสังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์ หรืออาจจะเรียกว่าเล่นพักเล่นพวก ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยระบบศักดินาในสมัยอยุธยาและเป็นต้นแบบมาถึงปัจจุบัน ปัจจุบันการมีพักพวกเพื่อนพ้องที่เป็นใหญ่เป็นโตก็จะทำให้การดำเนินการต่างๆในสังคมสะดวกขึ้น การเล่นพักพวกแบบนี้ก็อาจเป็นการขายเสียงแบบไม่รู้ตัว อาจเป็นเพราะความเกรงใจหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มันทำให้เราขายศักดิ์ศรีขายความเป็นตัวเองทำลายสิทธิที่ตนมี สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การคอรัปชั่น และเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน
ในระบอบประชาธิปไตย หัวใจหลักคือประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพ และสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนกับสิ่งที่บ่งบอกถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตัวบุคคล การซื้อสิทธิขายเสียงเป็นต้นเหตุนำไปสู่การคอรัปชั่นที่เป็นสาเหตุของความวุ่นวายในสังคมไทยปัจจุบันนี้ ที่มีทั้งการชุมนุมของคนเสื้อเหลืองเสื้อแดงนำไปสู่เหตุการนองเลือดต่างๆ ในเมื่อยอมขายสิทธิให้กับคนอื่นเพื่อแลกเงินเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ยอมให้คนอื่นชักจูงและคล้อยตามไปกับเรื่องไม่ดีนำความเสื่อมโทรมมาสู่สังคมไทย เพราะศักดิ์ความเป็นมนุษย์นั้นไม่สามารถนำมาตีค่าหรือตีราคาเป็นตัวเงินได้ และไม่สามารถหาซื้อที่ไหนได้เพราะศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มีติดตัวมาตั้งแต่เราทุกคนสามารถรักษาศักดิ์ศรีได้ด้วยการไม่ซื้อสิทธิ ขายเสียง
เครดิต โดย นางสาว อังสนามีแก้วเจริญ โรงเรียนพิมานพทยาสรรค์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)